เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้ที่จะออกปฏิบัติการเดินทางไปยังที่เกิดเหตุเพื่อทำการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุก็คือ ทีมนักบริการการแพทย์ฉุกเฉินและนักกู้ชีพที่มีความเชี่ยวชาญมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งนับเป็นหน้าที่ที่สำคัญสำหรับทีมกู้ชีพและผู้ป่วย เพราะนอกจากจะต้องมีความรู้ด้านการแพทย์สำหรับให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินที่ถูกต้องรอบคอบแล้ว ยังต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ทางอากาศ ทางน้ำ และทางบก ได้อย่างครอบคลุมอีกด้วย
นักกู้ชีวิต (Critical Care Paramedic) คืออะไร
นักกู้ชีวิต (Critical Care Paramedic) หรือ CCPs คือผู้ที่ได้รับการฝึกฝนและมีความเชี่ยวชาญในการให้การรักษาและบริการการดูแลทางการแพทย์ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรงและซับซ้อนมาก โดยมักทำงานในระดับสูงสุดของทีมกู้ชีวิต มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยที่มีสภาวะทางการแพทย์ที่วิกฤตหรือความผิดปกติร้ายแรงที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์แบบขั้นสูง โดยเป็นหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ ดังนี้
1. การดูแลผู้ป่วยที่มีอาการร้ายแรง
มีความเชี่ยวชาญในการรับมือกับผู้ป่วยที่มีสภาวะทางการแพทย์ที่วิกฤต เช่น การช่วยเหลือผู้ป่วยที่เป็นทางการแพทย์ที่รุนแรง อาจมีการให้กำลังใจหรือใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยให้มีโอกาสรอดชีวิต
2. การให้การรักษาเสริมทางการแพทย์
อาจให้การรักษาทางการแพทย์ในที่หรือในรถพยาบาล ซึ่งอาจรวมถึงการให้ยาทางเดินหายใจหรือยาทางเส้นเลือด การรับการรักษาที่ฉุกเฉินและการจัดการแก้ไขสถานการณ์ที่รุนแรง
3. การดูแลอุบัติเหตุทางการแพทย์
สามารถให้การดูแลในกรณีอุบัติเหตุทางการแพทย์ เช่น อุบัติเหตุรถยนต์ที่รุนแรงหรือการจมน้ำ
4. การควบคุมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความซับซ้อน เช่น เครื่องลงเลือดหรือเครื่องช่วยหายใจ
5. การร่วมงานกับทีมการดูแลทางการแพทย์
ทำงานร่วมกับแพทย์และผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านการดูแลทางการแพทย์อื่น ๆ เพื่อให้การรักษาแบบบูรณาการในสถานการณ์ที่รุนแรง
หน้าที่และการทำงานของนักกู้ชีวิต (Critical Care Paramedic)
นักกู้ชีวิต (Critical Care Paramedics) หรือ CCPs ส่วนใหญ่จะทำงานในระบบการดูแลแพทย์เร่งด่วนที่ต้องการการรักษาหรือการดูแลที่มีความช่วยเหลือทางการแพทย์ มีบทบาทหน้าที่ในการขนส่งผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลหรือสถานที่การแพทย์ที่เหมาะสม หลายครั้งพวกเขาอาจทำงานในบริการดูแลรักษาที่ต้องมีการขนส่งผู้ป่วยทางอากาศ, ทางบก, หรือทางทะเล นซึ่งน่วยงานที่ นักกู้ชีพจะได้ทำงานด้วย สามารถแยกประเภทได้ ดังนี้
1. บริการดูแลสาธารณสุข (Public Health Services) บางสถานการณ์นักกู้ชีวิตอาจทำงานร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในการให้บริการดูแลและรักษาผู้ป่วยรุนแรงที่ต้องการการรักษาสาธารณสุขในสถานการณ์ฉุกเฉิน
2. บริการการแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency Medical Services – EMS) นักกู้ชีวิตสามารถทำงานในระบบ EMS เป็นส่วนหนึ่งของทีมการดูแลแพทย์เร่งด่วนและรักษาในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยบางครั้งพวกเขาทำงานในรถพยาบาลหรือศูนย์ควบคุมการแจ้งเหตุเร่งด่วน
3. การขนส่งผู้ป่วย (Patient Transport Services) นักกู้ชีวิตอาจได้รับหน้าที่ในการขนส่งผู้ป่วยรุนแรงจากสถานที่เกิดเหตุ จากโรงพยาบาลหนึ่งไปยังโรงพยาบาลหรือสถานที่รักษาอื่น เพื่อรับการรักษาระดับสูง
4. การบริการการดูแลรักษาทางอากาศ (Aero-medical Evacuation Services) นักกู้ชีวิตอาจทำงานในระบบการขนส่งทางอากาศเพื่อนำผู้ป่วยรุนแรงจากพื้นที่ห่างไกลไปยังโรงพยาบาลหรือสถานที่รักษาที่มีความเชี่ยวชาญ
5. การบริการการดูแลรักษาทางทะเล (Marine-based Critical Care) ในบางกรณีนักกู้ชีพอาจทำงานในสถานการณ์ทางทะเล เพื่อดูแลและรักษาผู้ป่วยรุนแรงบนเรือทางทะเลที่ใช้สำหรับการขนส่ง
นักกู้ชีวิตมักมีการฝึกอบรมและความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือและเทคนิคทางการแพทย์ที่จำเป็นในการช่วยเหลือและรักษาผู้ประสบเหตุ พวกเขามักทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนเที่ให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์กับประชาชนอย่างเร่งด่วนและงานสาธารณสุข เช่น หน่วยงานการดับเพลิงและกู้ภัย, หน่วยงานการกู้ภัยทางน้ำ, หน่วยงานทางอากาศ, และอื่นๆ ที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในสถานการณ์ฉุกเฉินและสภาวะฉุกเฉินที่ต่างกันไป
นับว่าบทบาทและหน้าที่ของนักกู้ชีวิตนั้นมีเยอะมาก ล้วนเป็นหน้ที่ที่ต้องให้การดูแลและการรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉินที่รุนแรง ผู้ที่จะทำหน้าที่นี้ได้นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เป็นประโยชน์ต่อการกู้ชีพฉุกเฉินแล้ว นักกู้ชีพฉุกเฉินยังต้องมีสติและรักในการให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพราะนักกู้ชีวิตคือความหวังด่านสำคัญที่จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิตได้ในที่สุด
ความเห็นล่าสุด