เมื่อมนุษย์อาการเจ็บป่วยด้วยโรคที่แพทย์ไม่สามารถระบุได้ ในขั้นตอนการรักษาส่วนหนึ่งจะต้องมีการเก็บสารตัวอย่างในร่างกาย อย่างเลือด ปัสสาวะ หรือตัวอย่างชิ้นเนื้อ เพื่อส่งไปตรวจสอบหาสาเหตุเพิ่มเติม โดยผู้เชี่ยวชาญที่จะปฎิบัติการตรวจสอบสารที่ส่งไปยังห้องเล็ปนั้นก็คือนักพยาธิวิทยาหรือพยาธิแพทย์ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าตำแหน่งนี้จริง ๆ แล้วต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง ในบทความนี้จะพอไปรู้จักบทบาืและหน้าที่ของนักพยาธิวิทยากัน
พยาธิวิทยา คืออะไร
พยาธิวิทยา (Pathology) เป็นสาขาวิชาทางการแพทย์ที่ศึกษาและวินิจฉัยโรคจากการตรวจอวัยวะ, เนื้อเยื่อ, เซลล์, สารคัดหลั่ง, และจากทั้งร่างกายมนุษย์ (จากการชันสูตรพลิกศพ) ในร่างกายเมื่อเกิดโรคหรือบาดเจ็บ โดยวิชาพยาธิวิทยามีการแยกวิชาเป็นหลากหลายสาขาย่อยอีกมากมาย สามารถแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- 1. โรคศาสตร์ทางกายภาพ (Anatomical Pathology) ศึกษาโรคโดยการวิเคราะห์ตัวอย่างเนื้อเยื่อและเซลล์ในร่างกาย เช่น การวิเคราะห์ก้อนเนื้อเพื่อวินิจฉัยโรคมะเร็งหรือโรคอื่นๆ
- 2. โรคศาสตร์ทางคลินิก (Clinical Pathology) ศึกษาและวิเคราะห์ตัวอย่างทางชีวภาพ เช่น การตรวจวินิจฉัยโรคโดยใช้การตรวจเลือดหรือตรวจปัสสาวะ
- 3. ไซโตโพโลยี (Cytopathology) ศึกษาเซลล์ที่อยู่ในตัวอย่างทางชีวภาพ เช่น เซลล์ที่คัดลอกจากเนื้อเยื่อมะเร็งหรือเอชไอวี
- 4. ฮีมาโตโพโลยี (Hematopathology) ศึกษาโรคที่เกี่ยวกับเม็ดเลือดและเนื้อเยื่อเลือด เช่น โรคเม็ดเลือดขาด
- 5. ฮิสโตโพโลยี (Histopathology) ศึกษาโรคโดยการวิเคราะห์เนื้อเยื่อในร่างกาย เช่น การตรวจสอบตัวอย่างเนื้อเยื่อจากชิ้นส่วนของอวัยวะที่ถูกตัดออกในการผ่าศัลยกรรม
- 6. โรคศาสตร์ช่องปาก (Oral Pathology) ศึกษาโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปากและโครงกระดูกในบริเวณด้วยกัน
- 7. โรคศาสตร์สืบสวน (Forensic Pathology) ศึกษาการเสียชีวิตที่มีความเป็นอาชญากรรมและตรวจสอบสาเหตุของการเสียชีวิตในบางกรณี
วิชาพยาธิวิทยามักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการศึกษาเกี่ยวกับพยาธิหรือปรสิตเนื่องจากมีคำที่พ้องรูปกัน ซึ่งในความเป็นจริงวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพยาธิคือวิชาปรสิตวิทยา (Parasitology) ส่วนผู้ที่มีอาชีพทางด้านพยาธิวิทยาเรียกว่าพยาธิแพทย์
รู้จักอาชีพพยาธิแพทย์ผู้ตรวจและวินิจฉัยโรค
พยาธิแพทย์ (Pathologist) ไม่ใช่แพทย์ที่ทำหน้าที่ตรวจเกี่ยวกับหนอนและพยาธิ แต่คือแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่งที่ทำหน้าที่ในการตรวจและวินิจฉัยโรคจากอวัยวะเนื้อเยื่อ เซลล์ และสารคัดหลั่งจากร่างกายมนุษย์ เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุและลักษณะของโรค พยาธิแพทย์มีบทบาทสำคัญในการช่วยแพทย์ทั่วไปและทีมการรักษาผู้ป่วยในการวินิจฉัยโรคและการกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม ไม่ใช่การรักษาผู้ป่วยโดยตรง
นอกจากการวินิจฉัยโรค พยาธิแพทย์ยังมีบทบาทในการทำวิจัยทางการแพทย์ เพื่อเข้าใจข้อสมมติและแผนการรักษาใหม่ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องมือในพยาธิวิทยาเพื่อปรับปรุงการวินิจฉัยและการรักษาโรคในอนาคต ส่วนใหญ่พยาธิแพทย์ทำงานในโรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ หรือศูนย์การวินิจฉัยทางพยาธิวิทยา เปรียบเสมือนเป็นทีมซัพพอร์ตของแพทย์สาขาอื่นๆ นั่นเอง
พยาธิวิทยาทางการแพทย์แบ่งออกเป็น 2 สาขาหลักๆ คือ
1. พยาธิกายวิภาค (Anatomical pathology) ศึกษาและวินิจฉัยโรคโดยการวิเคราะห์เนื้อเยื่อและเซลล์ที่ถูกเก็บตัวอย่างจากร่างกายของผู้ป่วย พยาธิกายวิภาคเน้นการตรวจสอบผู้ป่วยในระดับเซลล์และเนื้อเยื่อเพื่อหาสาเหตุของโรคและลักษณะของโรคต่างๆ ที่พบในร่างกายของผู้ป่วย รวมถึงเป็นวิชาที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์โดยละเอียด เพื่อใช้วิเคราะห์สาเหตุแห่งการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นกับบุคคลนั้น ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เช่น โรคภัยไข้เจ็บทั่วไป การตายอาวุธประเภทใด ซึ่งความผิดปกติของร่างกายหรือบาดแผลตามร่างกายอาจใช้บ่งบอกความผิดปกติที่เกิดขึ้นก่อนหรือหลังความตาย ได้อีกด้วย
2. พยาธิวิทยาคลินิก (Clinical pathology) เป็นสาขาที่เน้นการศึกษาและวินิจฉัยโรคโดยการตรวจสอบตัวอย่างทางชีวภาพเช่นเลือด, ปัสสาวะ, น้ำหนัก, และสารเคมีในร่างกายของผู้ป่วย เพื่อหาสาเหตุของโรคและปัจจัยที่เป็นตัวบ่งชี้สำหรับการวินิจฉัยและการรักษาโรค โดยมีหน้าที่หลัก ดังนี้
- • การวินิจฉัยโรค ตรวจสอบและวินิจฉัยโรคที่มีผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย
- • การตรวจสอบสารเคมี ใช้เทคนิคและเครื่องมือเชิงเคมีเพื่อวิเคราะห์สารเคมีในร่างกาย
- • การวินิจฉัยมะเร็ง ตรวจเลือดและการตรวจสอบเนื้อเยื่อเพื่อวินิจฉัยมะเร็งและติดตามการเจริญของโรคมะเร็ง
- • การตรวจสอบปัสสาวะ เพื่อระบุตรวจหาปัจจัยที่บ่งบอกถึงปัญหาด้านสุขภาพ
- • การตรวจสอบการผลิตเลือด ในร่างกาย รวมถึงการตรวจสอบจำนวนและคุณภาพของเม็ดเลือดแดงและขาว
- • การวินิจฉัยโรคติดเชื้อ การตรวจสอบตัวอย่างทางชีวภาพเพื่อค้นหาตัวเชื้อและสารพันธุกรรมของโรคติดเชื้อ
- • การสรรพากรรมและครอบครัว การศึกษาสาเหตุพันธุกรรมของโรคและการวิเคราะห์ครอบครัวเพื่อการวินิจฉัยโรคที่มีความสัมพันธ์กัน
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงได้ทำความรู้จักอาชีพนักพยาธิวิทยากันไปพอสมควรแล้ว ซึ่งอาชีพนี้นับว่ามีความสำคัญในวงการแพทย์และการตรวจรักษาไม่น้อยเลยที่เดียว เพราะนักพยาธิวิทยาเป็นสาขาที่สำคัญในการวินิจฉัยโรคในการแพทย์ในยุคปัจจุบันและในการวิจัยทางการแพทย์อันหลากหลาย ช่วยให้แพทย์เข้าใจกับโรคและการรักษาโรคได้ดียิ่งขึ้น และช่วยแพทย์ในการตรวจวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
ความเห็นล่าสุด